“จระเข้” พร้อมก้าวสู่เป้าหมายในทศวรรษที่ 4 จัดทัพผู้บริหารดูแล 5 สายงาน “ขายต่างประเทศ-ขายในประเทศ-การตลาด-โลจิสติกส์-การเงิน” ผนึกกำลังเดินหน้ากลยุทธ์ บุกตลาด CLMV ผลักดันนวัตกรรมก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขยายกลุ่มสินค้าตอบโจทย์งานระบบสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ ขยายช่องทางการขายในประเทศให้เข้าถึงผู้บริโภค มุ่งสร้างการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ
ศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจสู่เป้าหมายในทศวรรษที่ 4 ว่า บริษัท ฯ พร้อมมุ่งมั่นเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมเคมีก่อสร้าง บนพื้นฐานของการให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม ขยายฐานจากสินค้าหลักที่เป็นผู้นำตลาดคือกลุ่มกาวซีเมนต์และกาวยาแนวปูกระเบื้อง ไปสู่สีทาอาคารและเคมีก่อสร้างครบวงจร จากฐานรากถึงหลังคา สำหรับบ้าน อาคาร และงานระบบโครงสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ พร้อมตั้งเป้าเพิ่มยอดขายทั้งในและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นกลุ่มประเทศ CLMV โดยเฉพาะเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดที่มีโอกาสการเติบโตสูง
เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตและเดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ จระเข้ได้มีการปรับโครงสร้างการบริหารงาน โดยแต่งตั้งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ เสริมกำลังในทุกด้านใน 5 สายงานสำคัญ ดังนี้ 1.พงษ์พันธุ์ ประทีปมโนวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดูแลการค้าระหว่างประเทศ 2.วิกิจ กันฉาย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดูแลสายงานขายในประเทศ 3.วรพจน์ ตั้งมนัสวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดูแลสายงานการตลาด 4.ญาณินทร์ ลิมปิทีป ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดูแลสายงานปฏิบัติการและโลจิสติกส์ และ 5.ชัยสิทธิ์ ชื่นชูวิทย์ผู้ ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดูแลสายงานการเงินและบริหารองค์กร
ทั้งนี้ ผู้บริหารแต่ละสายงานได้กำหนดกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจตามโครงสร้างใหม่ไว้ดังนี้
ด้านตลาดต่างประเทศ จระเข้จะเดินหน้าขยายตลาดในกลุ่มประเทศ CLMVด้วยสินค้านวัตกรรมใหม่ พร้อมขยายช่องทางจัดจำหน่ายในแต่ละประเทศให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะเมืองหลัก ผ่านตัวแทนจำหน่ายและพันธมิตรทางการค้า โดยในปีนี้มีแผนรุกตลาดเพิ่มขึ้นพร้อมตั้งสำนักงานสาขาในประเทศเวียดนาม
ด้านตลาดในประเทศ ต่อยอดความแข็งแกร่งช่องทางการขายในกลุ่มผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ สร้างสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรร้านค้าโมเดิร์นเทรด โดยมีแผนเพิ่มจุดจำหน่ายสินค้าจระเข้ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทุกช่องทาง เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้อย่างสะดวก เข้าถึงทุกกลุ่มลูกค้าทั้งเจ้าของบ้านทั่วไป ช่าง ผู้รับเหมา หน่วยงานโครงการทั้งขนาดเล็ก และใหญ่ โดยเน้นการขยายตัวในโครงการ Infrastructure
ด้านการตลาดทำการตลาดต่อยอดคอนเซ็ปต์ “ใช้จระเข้ร่วมกัน ปกป้องทั้งบ้าน”เพื่อขยายจากกลุ่มสินค้าที่จระเข้เป็นผู้นำตลาดกาวซีเมนต์และกาวยาแนว ไปสู่นวัตกรรมเคมีก่อสร้างอื่น ๆ และขยายเป้าหมายเพิ่มเติมจากบ้านไปจนถึงงานสาธารณูปโภค พร้อมผลักดันสินค้านวัตกรรมก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมผ่านกลุ่มสินค้า Jorakay Green Products เพื่อสร้างบ้านที่มีสุขภาวะดี สร้างเมืองน่าอยู่ (Wellbeing)ให้กับทุกคน มุ่งสร้าง Builder Club เป็น CRM program ที่รวบรวมความรู้ หลักสูตรการอบรม โปรโมชันและสิทธิพิเศษให้กับช่างและผู้สนใจการก่อสร้าง ซ่อมแซม ตั้งเป้าหมายเพิ่มสมาชิกเป็น 3 เท่าในปีนี้ และเพิ่มทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการงานก่อสร้างที่ได้มาตรฐานเป็นพิเศษ ด้วยบริการจากทีมช่างจระเข้ ทั้งบริการทาสีสร้างลาย และติดตั้งกระเบื้องใหญ่พิเศษซึ่งต้องใช้ทักษะความเชี่ยวชาญสูง
ด้านการผลิต ให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและนำพลังงานทดแทนมาใช้ในการผลิตสินค้า ตลอดจนการนำของเสียต่างๆ กลับมาใช้ในกระบวนการผลิตใหม่ สอดรับกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ด้านการพัฒนาองค์กร ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรและระบบให้สอดรับกัน โดยอัปเกรดระบบ Enterprise Resource Planning หรือ ERP ช่วยยกระดับระบบการจัดการต่าง ๆ ตั้งแต่การขาย การจัดซื้อ การผลิต การจัดส่ง และบัญชีการเงิน รองรับการขายในช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย ส่วนภายในก็มุ่งถ่ายทอดหลักปรัชญา Jorakay DNA จะทำให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืนและพนักงานมีความสุข
จากแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าวมาข้างต้น ทำให้ในปีนี้บริษัท ฯ คาดว่าจะสามารถทำยอดขายรวม 3,800 ล้านบาท โดยในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 3,300 ล้านบาท ยอดขายต่างประเทศ 500 ล้านบาท โดยกลุ่มสินค้าเคมีก่อสร้างคาดว่าจะมีการเติบโตประมาณ 30% จากปีก่อนหน้า
วิกิจ กันฉาย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานขายในประเทศ กล่าวว่า“ก้าวสู่ทศวรรษที่ 4 จระเข้จะเดินหน้าขยายตัวทุกด้าน ทั้งในด้านของกำลังการผลิตด้วยระบบการจัดการที่ทันสมัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการจากความเชี่ยวชาญที่มีมายาวนานของจระเข้ การขยายช่องทางจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศด้วยแบรนด์ที่แข็งแกร่ง พร้อมขยายโอกาสให้คนในสังคม เพื่อมอบความสุขให้กับลูกค้า และสังคมอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน”
สำหรับภาพรวมการเติบโตธุรกิจของจระเข้ ในปีที่ผ่านมาสามารถสร้างยอดขายรวมได้ 3,330 ล้านบาท นับเป็นเป้าหมายเติบโตเกือบ 20% สูงกว่าที่คาดไว้ ซึ่งการเติบโตดังกล่าวจากการที่จระเข้ได้ขยายพอร์ตสินค้าที่ครอบคลุมมากขึ้นและเดินเกมกลยุทธ์การตลาดภายใต้คอนเซปต์ “ใช้จระเข้ร่วมกันปกป้องทั้งบ้าน” เน้นการใช้งานทั้งระบบ ซึ่งในจำนวนยอดขายดังกล่าวกว่า 60% อยู่ในกลุ่มสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Jorakay Green Products) ซึ่งจระเข้ยังคงพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะการลด CO2 สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน