Opt-out Preferences

We use third-party cookies that help us analyze how you use this website, store your preferences, and provide the content and advertisements that are relevant to you. However, you can opt out of these cookies by checking "Do Not Sell or Share My Personal Information" and clicking the "Save My Preferences" button. Once you opt out, you can opt in again at any time by unchecking "Do Not Sell or Share My Personal Information" and clicking the "Save My Preferences" button.

Do Not Sell or Share My Personal Information

‘โรคหัวใจ’ ภัยร้ายต่อลูกในท้องที่คุณแม่ตั้งครรภ์ห้ามเมิน

      เชื่อว่าหลาย ๆ ครอบครัวที่วางแผนจะมีลูกต่างเข้าใจว่าการจะตั้งครรภ์ให้ปลอดภัยและมีลูกสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ นอกจากคุณพ่อคุณแม่จะต้องดูแลสุขภาพให้แข็งแรงระหว่างเตรียมมีลูกแล้ว อีกเรื่องที่พ่อแม่กังวลคือ กลัวว่าโรคประจำตัวของตนเอง จะส่งผลกระทบต่อความสมบูรณ์แข็งแรงของลูกน้อยในครรภ์นั่นเอง และ ‘โรคหัวใจ’ ถือเป็นอีกหนึ่งโรคที่ส่งผลต่อสุขภาพครรภ์ของคุณแม่ จึงต้องอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์
      นพ.สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคหัวใจ ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด รพ.วิมุต จึงมาชวนรู้จักโรคหัวใจ พร้อมแนะนำแนวทางการดูแลตัวเองสำหรับผู้หญิงที่เป็นโรคหัวใจแต่อยากเป็นคุณแม่ เพื่อให้ลูกน้อยลืมตาดูโลกอย่างปลอดภัย ลดอันตรายต่อทั้งคุณแม่และทารกตัวน้อย
รู้จัก ‘โรคหัวใจ’ โรคที่ทุกคนเป็นได้

     “โรคหัวใจ คือภาวะผิดปกติที่เกิดขึ้นต่อหัวใจ ส่งผลให้การบีบตัวและการสูบฉีดเลือดของหัวใจผิดปกติ โดยทั่วไปโรคหัวใจสามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภท คือ 1.โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ทำให้เลือดไปเลี้ยงที่หัวใจไม่พอ 2. โรคกล้ามเนื้อหัวใจ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจโตจากความดันโลหิตสูง ที่ทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดไม่มีประสิทธิภาพ 3. โรคลิ้นหัวใจ เช่น ลิ้นหัวใจรั่ว ลิ้นหัวใจตีบ ซึ่งทำให้หัวใจทำงานหนัก 4. โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะผิดปกติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ ซึ่งโรคหัวใจนั้นสามารถเกิดได้จากทั้งกรรมพันธุ์และพฤติกรรมส่วนตัว เช่น การกินอาหารที่เค็มหรือมีไขมันเยอะมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดโรคหัวใจโตจากความดันโลหิตสูงหรือโรคเส้นเลือดในหัวใจตีบ อันเกิดจากการสะสมของคอเลสเตอรอลที่มากเกินไป”

     นพ.สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย กล่าวว่า “โรคหัวใจจากพฤติกรรมบางประเภทจะไม่ส่งต่อไปยังลูกในครรภ์ แต่โรคทางพันธุกรรมบางอย่าง เช่น โรคผนังหัวใจรั่ว โรคลิ้นหัวใจ มีโอกาสที่จะคุณแม่ส่งโรคต่อไปยังลูกน้อยได้ ซึ่งคนที่เตรียมเป็นคุณแม่จะต้องปรึกษาแพทย์ก่อนตั้งครรภ์เพื่อเข้าใจความเสี่ยงที่เป็นอันตรายเหล่านี้”

‘โรคหัวใจ’ เป็นแล้วตั้งครรภ์ได้ไหม

“ต้องอธิบายก่อนกว่า โรคหัวใจนั้นแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ผู้ป่วยยังทำงานได้ปกติแม้เป็นโรคหัวใจ ระยะที่ 2 คือ ผู้ป่วยที่ทำงานปกติแล้วเหนื่อยเล็กน้อย ระยะที่ 3 คือ ทำงานเล็กน้อยก็เหนื่อย และระยะที่ 4 นั่งอยู่เฉย ๆ ก็เหนื่อย ไม่สามารถทำกิจกรรมอะไรได้เลย โดยในระยะที่ 1 หรือ 2 คุณแม่ที่มีโรคหัวใจสามารถตั้งครรภ์ได้ ที่น่ากังวลคือโรคหัวใจระยะที่ 3 และ 4 เนื่องจากส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคุณแม่อย่างมาก จำเป็นจะต้องดูแลอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์”

     นพ.สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย อธิบาย นอกจากนี้ โรคหัวใจบางอย่าง เช่น โรคหัวใจขาดเลือด ก็มีผลต่อลูกในครรภ์ได้เช่นกัน เพราะเลือดสูบฉีดไปเลี้ยงลูกได้น้อยลง ทำให้เด็กโตไม่เต็มวัย ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ยุติการตั้งครรภ์ เพราะหากปล่อยไว้อาจรุนแรงจนทำให้คุณแม่เสียชีวิตได้

แพทย์ชี้ คุณแม่เป็น ‘โรคหัวใจ’ รีบฝากครรภ์-ปรึกษาแพทย์เพื่อลดความเสี่ยง

สำหรับคุณแม่ที่เป็นโรคหัวใจและกำลังตั้งครรภ์ แพทย์รพ. วิมุต แนะนำให้ไปฝากครรภ์ให้เร็วที่สุด เพื่อให้แพทย์ประเมินความเสี่ยงและติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้แพทย์ยังแนะนำให้ปรึกษาทั้งสูตินรีแพทย์และแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจไปพร้อมกัน เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ขณะตั้งครรภ์ คุณแม่ที่จำเป็นต้องทานยาระหว่างตั้งครรภ์จะต้องปรึกษาแพทย์และเภสัชกรถึงยาที่ใช้ได้และใช้ไม่ได้

     โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ พวกยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาแก้ปวดหัว ยาพารา สามารถกินได้ตามปกติ ไม่มีอันตรายต่อลูกในครรภ์ อย่างไรก็ตาม สำหรับยาจำพวกยาเฉพาะโรค เช่น ยาโรคหัวใจ ยาความดันโลหิตสูง ยาลดไขมัน ล้วนเป็นกลุ่มยาที่มีผลต่อสุขภาพครรภ์ คุณแม่จึงจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เสมอเมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องกินยากลุ่มดังกล่าว

     นพ.สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย เล่าถึงการคลอดที่ปลอดภัยของผู้เป็นโรคหัวใจว่า “คุณแม่ที่มีโรคหัวใจหลาย  ๆ คนไม่สามารถคลอดธรรมชาติได้ เพราะหากใช้แรงเบ่งมาก ๆ ระหว่างคลอดลูกอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายได้ จึงต้องปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีที่ปลอดภัยที่สุด เบื้องต้นหากคนไข้เป็นโรคหัวใจในระยะที่ 1 หรือ 2 ซึ่งเป็นระยะที่ปลอดภัยก็อาจคลอดธรรมชาติได้ แต่หากอยู่ในระยะที่ 3 และ 4 ซึ่งมีอาการเหนื่อยง่าย การผ่าคลอดจะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่า”

     “ผู้หญิงที่เป็นโรคหัวใจนั้นสามารถตั้งครรภ์ได้ เพียงแต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ที่ชำนาญการ ทั้งก่อนและระหว่างการตั้งครรภ์ เพื่อให้คุณแม่และทารกปลอดภัยและแข็งแรง”

     ด้วย นวัตกรรมการตรวจวินิจฉัยและดูแลโรคหัวใจแบบ Non-invasive เช่น เทคโนโลยีเครื่องตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiogram) เพื่อประเมินความแข็งแรงของหัวใจคุณแม่และความพร้อมในการตั้งครรภ์ ซึ่งอาศัยการเอกซเรย์หรือการฉายรังสีให้น้อยที่สุด เพื่อให้คุณแม่ได้ตั้งครรภ์อย่างปลอดภัยสบายใจ

RELATED ARTICLE

Scroll to Top