Google Cloud เปิดตัวนวัตกรรม AI ใหม่สำหรับผู้ค้าปลีกแพลตฟอร์ม และแพลตฟอร์ม ai.RETAIL

     Google Cloud เปิดตัวนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ใหม่ ตัวช่วยสำหรับผู้ค้าปลีกสามารถเปลี่ยนกระบวนการตรวจสอบชั้นวางสินค้าในร้านค้า และปรับปรุงเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซด้วยประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ที่ลื่นไหลและเป็นธรรมชาติให้แก่ผู้ใช้งาน โดย Google Cloud ได้ประกาศความคิดริเริ่มนี้ร่วมกับ Accenture เพื่อช่วยให้ผู้ค้าปลีกยกระดับธุรกิจของตนให้ทันสมัยและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีคลาวด์ รวมถึงผสมผสานเชิงลึกกับแพลตฟอร์ม ai.RETAIL ของ Accenture ที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายอีกด้วย

     เอพริล ศรีวิกรม์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ Google Cloud กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้เปลี่ยนโฉมหน้าวงการค้าปลีก ขณะที่ผู้ค้าปลีกไทยก็กำลังมองหา วิธีใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดึงดูดใจผู้ซื้อมากขึ้น และมีความเสี่ยงน้อยลงที่จะถูกดิสรัพท์จากเหตุการณ์ไม่คาดฝันในอนาคต ดังนั้น ผู้นำแห่งอนาคต จึงเป็นผู้ที่สามารถรับมือกับ ความท้าทายของร้านค้าและออนไลน์ที่เร่งด่วนที่สุดในปัจจุบัน ได้ ด้วยเครื่องมือ AI ใหม่ล่าสุด ซึ่งการทำงานร่วมกับ Accenture จะช่วยให้ผู้ค้าปลีกในท้องถิ่นปรับใช้โซลูชันแบบบูรณาการที่ขยายประโยชน์ที่แท้จริงของ AI ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้พวกเขาสามารถเข้าใจธุรกิจแบบองค์รวมข้ามขอบเขตการทำงาน ตลอดจนปรับข้อเสนอและการดำเนินงานให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสร้างการเติบโตในสภาพแวดล้อมการค้าปลีกที่ซับซ้อนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

1. AI การตรวจสอบชั้นวางสินค้าใหม่ ช่วยให้ผู้ค้าปลีกปรับปรุงพัฒนาความพร้อมของผลิตภัณฑ์

      การที่นักช้อปไม่พบสินค้าตามต้องการและเลือกไปที่ร้านค้าคู่แข่ง ถือเป็นสู่การสูญเสียยอดขายและความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว  ดังนั้นการแก้ปัญหาสินค้าคงคลังบนชั้นวางในร้านค้าที่เหลือจำนวนน้อยหรือไม่มีเลย ยังคงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก โดยผู้ค้าปลีกได้ลองใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบชั้นวางที่แตกต่างกันเป็นเวลาหลายปี แต่ประสิทธิภาพของเทคโนโลยีเหล่านั้นยังถูกจำกัดด้วยทรัพยากรที่จำเป็นในการสร้างแบบจำลอง AI ที่เชื่อถือได้ เพื่อตรวจจับและแยกแยะผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่แยมและเยลลี่รสชาติหลากหลาย ไปจนถึงแปรงสีฟันประเภทต่าง ๆ

    โซลูชันการตรวจสอบชั้นวางสินค้าแบบใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Google Cloud พร้อมแล้วที่จะช่วยให้ผู้ค้าปลีกทั่วโลกปรับปรุงความพร้อมจำหน่ายสินค้าบนชั้นวาง สร้างการมองเห็นที่ดีขึ้น และช่วยแจ้งเตือนว่าจำเป็นต้องเติมสต็อกเมื่อใด นอกจากนี้ AI สำหรับตรวจสอบชั้นวางสินค้า ซึ่งสร้างขึ้นบน Vertex AI Vision ของ Google Cloud และขับเคลื่อนโดยโมเดลแมชชีนเลิร์นนิง (ML) สองรุ่น ได้แก่ ตัวจำแนกผลิตภัณฑ์และตัวจำแนกแท็ก จะช่วยให้ผู้ค้าปลีกสามารถระบุผลิตภัณฑ์ทุกประเภทในจำนวนมาก ๆ ได้ โดยอิงตามลักษณะภาพและข้อความของผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้งแปลงข้อมูลนั้นเป็นข้อมูลเชิงลึกที่นำไปปฏิบัติได้

     ผู้ค้าปลีกจะไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องลงแรง และลงทุนในการรวบรวมข้อมูลและฝึกอบรมโมเดล AI ของตนเองอีกต่อไป การใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลที่มีเอนทิตีที่ไม่ซ้ำกันหลายพันล้านรายการของ Google ทำให้ AI สำหรับตรวจสอบชั้นวางของ Google Cloud สามารถระบุผลิตภัณฑ์จากรูปภาพประเภทต่าง ๆ ที่ถ่ายในมุมและจุดได้เปรียบที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นงานที่ยากเป็นพิเศษ ผู้ค้าปลีกจึงมีความยืดหยุ่นสูงในการจัดหาประเภทของภาพที่พวกเขาต้องการส่งให้ AI นี้ทำการตรวจสอบชั้นวางสินค้า ตัวอย่างเช่น ผู้ค้าปลีกสามารถใช้ภาพจากกล้องติดเพดาน โทรศัพท์มือถือของผู้ร่วมงาน หรือหุ่นยนต์ที่สัญจรไปมาในร้านค้า เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบชั้นวางสินค้า

     เทคโนโลยีนี้คาดว่าจะวางจำหน่ายแก่ผู้ค้าปลีกทั่วโลกได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ที่สำคัญกว่านั้น ภาพและข้อมูลของผู้ค้าปลีกจะยังคงเป็นของตนเอง และ AI จะนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้สำหรับการระบุผลิตภัณฑ์และป้ายราคาเท่านั้น

2. AI เปลี่ยนประสบการณ์การช้อปปิ้งผ่านหน้าต่างดิจิทัล

     เพราะผู้คนไม่เคยรู้ว่าพวกเขาต้องการอะไร นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พวกเขาเลือกซื้อสินค้าผ่านหน้าต่างหรือเรียกดูผ่านเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อค้นหาแรงบันดาลใจ ดังนั้นเพื่อช่วยให้ผู้ค้าปลีกสร้างประสบการณ์การเรียกดูออนไลน์และการค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นธรรมชาติและตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อมากขึ้น Google Cloud ได้เปิดตัวฟีเจอร์การเรียกดูที่ขับเคลื่อนด้วย AI ใหม่ในโซลูชัน Discovery AI สำหรับผู้ค้าปลีก ความสามารถนี้ใช้ ML เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสั่งซื้อสินค้า (เช่น สินค้าใดที่ผู้ซื้อเห็นก่อน) บนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของผู้ค้าปลีก เมื่อผู้ซื้อเลือกหมวดหมู่ เช่นแจ็คเก็ตสตรีหรือเครื่องครัว

     เมื่อเวลาผ่านไป AI จะเรียนรู้การสั่งซื้อสินค้าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละหน้าในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ โดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง ปรับวิธีการและผลิตภัณฑ์ที่แสดงให้เหมาะสมเพื่อความถูกต้อง ความเกี่ยวข้อง และแนวโน้มที่จะถูกซื้อ ฟีเจอร์นี้สามารถใช้กับหน้าเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซได้หลากหลาย ตั้งแต่เรียกดูแบรนด์ และหน้า Landing Page ไปจนถึงหน้าการนำทางและคอลเลคชัน

     ในอดีต เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซได้จัดเรียงผลลัพธ์ผลิตภัณฑ์ตามรายการสินค้าขายดีของหมวดหมู่หรือกฎที่เขียนขึ้นโดยมนุษย์ เช่น การกำหนดเสื้อผ้าที่จะเน้นตามฤดูกาลด้วยตนเอง แต่เทคโนโลยีการเรียกดูนี้จะใช้วิธีการใหม่ทั้งหมดผ่านการดูแลจัดการด้วยตนเอง เรียนรู้จากประสบการณ์ และปราศจากการแทรกแซงด้วยตนเอง ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มรายได้ต่อการเข้าชมแล้ว ยังช่วยให้ผู้ค้าปลีกประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการดูแลจัดการหน้าร้านอีคอมเมิร์ซหลายหน้าด้วยตนเองอีกด้วย ขณะนี้ เครื่องมือใหม่นี้พร้อมรองรับ 72 ภาษา และมีให้บริการสำหรับผู้ค้าปลีกทั่วโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

3. การค้นหาและผลการค้นหาที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วย ML

     การวิจัยที่จัดทำโดย Google Cloud พบว่า 75% ของผู้ซื้อชอบแบรนด์ที่มีการโต้ตอบและการเข้าถึงที่เป็นส่วนตัว เพื่อช่วยให้ผู้ค้าปลีกสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ที่ลื่นไหลและเป็นธรรมชาติมากขึ้น Google Cloud ได้เปิดตัวความสามารถในการปรับแต่งส่วนบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งจะปรับแต่งผลลัพธ์ที่ลูกค้าได้รับเมื่อพวกเขาค้นหาและเรียกดูเว็บไซต์ของผู้ค้าปลีก เทคโนโลยีนี้เพิ่มขีดความสามารถของฟีเจอร์การเรียกดูใหม่ของ Google Cloud และ โซลูชัน Retail Search

     AI ที่สนับสนุนความสามารถในการปรับแต่งใหม่ คือ ตัวจดจำรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่นำพฤติกรรมของลูกค้าบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ เช่น การคลิก ตะกร้าสินค้า การซื้อ และข้อมูลอื่น ๆ มาใช้กำหนดรสนิยมและความชอบของนักช้อป จากนั้น AI จะเลื่อนระดับผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการเหล่านั้นในการค้นหาและเรียกดูอันดับสำหรับผลลัพธ์ที่เป็นส่วนตัว การค้นหาส่วนบุคคลของผู้ซื้อและผลการเรียกดูจะขึ้นอยู่กับการโต้ตอบของพวกเขาในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของผู้ค้าปลีกรายนั้นเท่านั้น  ซึ่งจะไม่ได้เชื่อมโยงกับกิจกรรมในบัญชี Google ของพวกเขา โดยผู้ซื้อจะถูกระบุผ่านบัญชีที่พวกเขาสร้างขึ้นกับเว็บไซต์ของผู้ค้าปลีก หรือโดยคุกกี้ของบุคคลที่หนึ่งบนเว็บไซต์

    เช่นเดียวกับโซลูชันของ Google Cloud ทั้งหมด ลูกค้าจะเป็นเจ้าของและควบคุมข้อมูลของตน ขณะที่ข้อมูลเกี่ยวกับความชอบของลูกค้าจะอยู่กับผู้ค้าปลีก ปัจจุบันเทคโนโลยีนี้มีจำหน่ายแล้วทั่วไปสำหรับผู้ค้าปลีกทั่วโลก

4. AI ช่วยเพิ่มผลกำไรของผู้ค้าปลีกด้วยคำแนะนำที่ดีขึ้น

     ปัจจุบันระบบแนะนำผลิตภัณฑ์ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของกลยุทธ์อีคอมเมิร์ซของผู้ค้าปลีก โดยมูลค่าการค้าปลีกออนไลน์คาดว่าจะสูงถึงกว่า 8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2569 อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าปลีกต้องประสบปัญหากับการพิจารณาว่าแผงใดที่จะแสดงบนเว็บไซต์ วิธีจัดเรียงอย่างมีประสิทธิภาพ และวิธีประสานเนื้อหาที่เกี่ยวข้องและเป็นส่วนตัวมาเป็นเวลานาน ดังนั้นโซลูชัน Recommendations AI ของ Google Cloud จึงใช้ ML เพื่อช่วยให้ผู้ค้าปลีกแนะนำผลิตภัณฑ์แก่ผู้ซื้อ

     การอัปเกรดใหม่สำหรับ Recommendations AI สามารถทำให้คุณสมบัติอีคอมเมิร์ซของผู้ค้าปลีกมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น มีไดนามิก และเป็นประโยชน์สำหรับลูกค้าแต่ละราย ตัวอย่างเช่น ฟีเจอร์การเพิ่มประสิทธิภาพเพจเลเวลใหม่ช่วยให้เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซตัดสินใจแบบไดนามิกได้ว่าแผงคำแนะนำผลิตภัณฑ์ใดที่จะแสดงต่อผู้ซื้อ การเพิ่มประสิทธิภาพเพจเลเวลยังลดความจำเป็นในการทดสอบประสบการณ์ผู้ใช้ที่ต้องอาศัยทรัพยากรมากให้เหลือน้อยที่สุด และสามารถปรับปรุงการมีส่วนร่วมของผู้ใช้และอัตรา Conversionได้อีกด้วย

    ฟีเจอร์การเพิ่มประสิทธิภาพรายได้ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ยังใช้ ML เพื่อเสนอคำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น ซึ่งสามารถเพิ่มรายได้ต่อเซสชันผู้ใช้บนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ โดยโมเดล ML ซึ่งสร้างขึ้นจากความร่วมมือกับ DeepMind จะรวมหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ของเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ราคาสินค้า การคลิก และ Conversion ของลูกค้า เพื่อค้นหาความสมดุลที่เหมาะสมระหว่างความพึงพอใจระยะยาวของผู้ซื้อและรายได้ที่เพิ่มขึ้นสำหรับผู้ค้าปลีก สุดท้ายแล้ว รูปแบบการซื้อซ้ำใหม่ (buy-it-again) จะใช้ประโยชน์จากประวัติการซื้อของลูกค้า เพื่อให้คำแนะนำส่วนบุคคลสำหรับการซื้อซ้ำที่อาจเกิดขึ้น

     เมื่อเทียบกับระบบให้คำแนะนำพื้นฐานที่ใช้โดยลูกค้า Google Cloud Recommendations AI ได้แสดงให้เห็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเป็นสองหลักใน Conversion และอัตราการคลิกผ่าน ในการทดลองที่ควบคุมโดยผู้ค้าปลีกผ่านเทคโนโลยีนี้ การเพิ่มประสิทธิภาพเพจเลเวลใหม่ การเพิ่มประสิทธิภาพรายได้ และรูปแบบการซื้อซ้ำ มีให้บริการสำหรับผู้ค้าปลีกแล้วทั่วโลก

ai.RETAIL สำหรับ Google Cloud

     ai.RETAIL ของ Accenture โซลูชันแบบครบวงจรที่ช่วยให้ผู้ค้าปลีกใช้ข้อมูลและ AI ได้ดีขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบและโปรแกรมทั่วไป เช่น การได้มาซึ่งลูกค้า การกำหนดราคาและการส่งเสริมการขาย การจัดประเภท และห่วงโซ่อุปทาน ผู้ค้าปลีกสามารถใช้แพลตฟอร์ม ai.RETAIL บน Google Cloud ได้แล้ว ซึ่งหมายความว่าแพลตฟอร์มนี้ได้รับการขยายไปยังโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อถือได้ของ Google Cloud และรวมเข้ากับผลิตภัณฑ์และความสามารถต่าง ๆ ของ Google Cloud คุณสมบัติและประโยชน์ใหม่ ๆ ของโซลูชันประกอบด้วย:

  • การวิเคราะห์ห่วงโซ่อุปทานแบบรวมศูนย์: ai.RETAIL รวมถึงหอควบคุมห่วงโซ่อุปทานที่ขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์มห่วงโซ่อุปทานอัจฉริยะของ Accenture ด้วยการผสานรวมที่ลึกยิ่งขึ้นในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของ Google Cloud เช่น Looker และ BigQuery ลูกค้าสามารถจัดระเบียบข้อมูลได้ดีขึ้นและแสดงมุมมองตามเวลาจริงของเมตริกซัพพลายเชนที่สำคัญที่สุด ซึ่งรวมถึงการจัดซื้อ โลจิสติกส์ สินค้าคงคลัง และการขาย จากนั้นผู้ค้าปลีกสามารถเรียกใช้การจำลองสถานกาณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ามีการปรับเทียบการคาดการณ์อุปสงค์ ปรับปรุงการวางแผนสินค้าคงคลัง กำหนดกลยุทธ์สำหรับการแบ่งส่วนห่วงโซ่อุปทาน และอื่น ๆ
  • ประสบการณ์แบบเฉพาะตัวของลูกค้า: ปัจจุบัน ai.RETAIL ใช้ประโยชน์จากโซลูชัน Discovery AI ของ Google Cloud สำหรับการค้าปลีก ซึ่งสามารถลดการยกเลิกการค้นหาด้วยความสามารถในการค้นหาที่มีคุณภาพของ Google ให้คำแนะนำส่วนบุคคลได้หลากหลาย และช่วยให้ผู้ซื้อค้นหาผลิตภัณฑ์โดยใช้รูปภาพ การผสานรวมเพิ่มเติมกับสถาปัตยกรรมข้อมูลลูกค้าของ Accenture และ Customer Data Platform ของ Google Cloud จะช่วยให้ผู้ค้าปลีกลดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลและสร้างการคาดการณ์การมีส่วนร่วมทางการตลาด ด้วย AI และ ML
  • การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดประเภท: การใช้ BigQuery, Looker และ Vertex AI ทำให้ปัจจุบัน ai.RETAIL สามารถจัดกลุ่มร้านค้าใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ค้าปลีกระบุ จัดกลุ่ม และเพิ่มประสิทธิภาพร้านค้าที่มีลักษณะคล้ายกัน  ตลอดจนปรับปรุงกลยุทธ์สำหรับการจัดประเภท การจัดการพื้นที่ และสินค้าคงคลัง ซึ่งรวมถึงคำแนะนำว่าจะเก็บลด หรือกำจัดผลิตภัณฑ์บางอย่าง ซึ่งสามารถกรองตามร้านค้าแต่ละแห่งหรือคลัสเตอร์ร้านค้า และท้ายที่สุด ปรับปรุงประสิทธิภาพการขายโดยรวม

     Sridhar Subramanian กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจ Google ของ Accenture ในเอเชียแปซิฟิก กล่าว จากพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ปัจจุบันผู้ค้าปลีกจำเป็นต้องลงทุนสร้างแกนดิจิทัล ซึ่งรวมถึงรากฐานข้อมูลที่แข็งแกร่งอย่าง ML และ AI เทคโนโลยีเหล่านี้ขับเคลื่อนโดยคลาวด์ เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเรามองเห็นแนวโน้ม ตัดสินใจได้เร็วขึ้น และรีเซ็ตธุรกิจได้ใหม่เสมอเมื่อตลาดเปลี่ยนแปลง ด้วยการผสานพลังที่ดีที่สุดระหว่างแพลตฟอร์ม ai.RETAIL ของ Accenture และเทคโนโลยี Google Cloud บริษัทต่าง ๆ จะสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และความสามารถมากมาย เพื่อช่วยปรับปรุงการมีส่วนร่วมและ Conversion ของผู้บริโภค และทำให้ซัพพลายเชนของพวกเขามีความยั่งยืนมากขึ้น

    Google Cloud และ Accenture ยังร่วมมือกันในโครงการริเริ่มใหม่ ๆ ในวงกว้างเพื่อจัดการกับความท้าทายที่ซับซ้อนที่ผู้ค้าปลีกเผชิญอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงใช้ข้อมูลอัจฉริยะจาก ai.RETAIL เพื่อช่วยให้ธุรกิจเพิ่มประสิทธิภาพในประสบการณ์ของลูกค้า พนักงาน และหน้าร้าน ตลอดจนได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและข้อเสนออื่น ๆ จากทั้งสองบริษัท ทั้งนี้ความรู้ที่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาในด้านการดำเนินงานแบบครบวงจร จะช่วยให้ผู้ค้าปลีกสามารถใช้เทคโนโลยี Accenture และ Google Cloud เพื่อปรับปรุงองค์ประกอบพื้นฐานของธุรกิจของตนให้ทันสมัย เช่น การใช้ เทคโนโลยี Google Distributed Cloud Edge องค์กรต่าง ๆ จะสามารถผสานรวมและปรับขนาดโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ไปยังร้านค้า พื้นโรงงาน และอื่น ๆ ได้อย่างราบรื่น

RELATED ARTICLE

Scroll to Top