ออราเคิล ประกาศแผนการเปิด Cloud Region แห่งที่ 2 ในสิงคโปร์ ตอบสนองความต้องการต่อบริการคลาวด์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยออราเคิลถือเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ที่มีการขยายโครงสร้างพื้นฐานที่รวดเร็วที่สุดในโลก สำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่สิงคโปร์แห่งล่าสุดนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งในแผนการสร้าง Public Cloud Region จำนวน 10 แห่ง เพิ่มเติมจาก 41 แห่งที่ออราเคิลบริหารในปัจจุบัน
Region แห่งนี้จะมอบทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้าและพันธมิตรของออราเคิล ทั้งในภาครัฐบาลและเอกชนเพื่อการเป็นแหล่งจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐาน แอปพลิเคชัน และข้อมูลเพื่อสร้างประสิทธิภาพขั้นสูงและความหน่วงสัญญาณที่เหมาะสมที่สุดในการดำเนินงานขององค์กรลูกค้า ลูกค้าจะสามารถเข้าถึงบริการคลาวด์ที่หลากหลายเพื่อปรับปรุงแอปพลิเคชันของตนให้ทันสมัยอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างนวัตกรรมด้วยข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลและการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ ตลอดจนสามารถย้ายภาระงานที่มีความสำคัญต่อธุรกิจจากศูนย์ข้อมูลไปยัง Oracle Cloud Infrastructure (OCI)
ลูกค้าจะสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องขึ้น ผ่านการใช้ Cloud Region ออราเคิลทั้งสองแห่งของในสิงคโปร์ร่วมกัน โดยที่ยังสามารถรักษามาตรฐานด้านถิ่นที่อยู่ของข้อมูลภายในสิงคโปร์ได้
แกร์เร็ตต์ อิลจ์ ประธานกรรมการ ออราเคิล ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กล่าว ว่า “Cloud Region แห่งที่ 2 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในสิงคโปร์จะช่วยตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากต่อบริการคลาวด์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Region แห่งใหม่นี้ ออราเคิลจะสามารถมอบความต่อเนื่องในการดำเนินงานและการป้องกันความเสียหายทางธุรกิจให้แก่ลูกค้า โดยที่ยังมีความสอดคล้องตามข้อกำหนดด้านถิ่นที่อยู่ของข้อมูลในประเทศ ด้วยเหตุนี้ เราจึงขยายความมุ่งมั่นเพื่อสนับสนุนให้องค์กรต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เปิดรับการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ การเรียนรู้ของเครื่อง และอินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) เพื่อรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนและบรรลุถึงความสำเร็จมากขึ้นโดยใช้ทรัพยากรน้อยลง”
Cloud Region แห่งใหม่ของออราเคิลในสิงคโปร์ จะนำเสนอบริการและแอปพลิเคชันบน OCI มากกว่า 100 รายการ ซึ่งรวมถึง Oracle Autonomous Database, MySQL HeatWave Database Service, Oracle Container Engine for Kubernetes และOracle Cloud VMware Solution โดยแอปพลิเคชันและบริการเหล่านี้จะช่วยให้บรรดาธุรกิจสตาร์ตอัป รวมถึงองค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่ซึ่งทำธุรกิจบริการทางการเงิน โทรคมนาคม อุตสาหกรรมการผลิต เฮลธ์แคร์ และค้าปลีกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถใช้ข้อมูลเพื่อการสร้างมูลค่ารูปแบบใหม่และปรับแอปพลิเคชันให้เหมาะสมกับธุรกิจได้ โดยไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างระบบใหม่ซึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายสูง โดย Cloud Region แห่งแรกที่สิงคโปร์ของออราเคิลในปัจจุบัน สามารถรองรับความต้องการด้านนวัตกรรมของลูกค้าได้มากกว่า 1,000 รายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมถึงสองยักษ์ใหญ่อย่างแปซิฟิกอินเตอร์เนชั่นแนลไลน์และสยามแม็คโคร
ความสามารถพร้อมใช้งานชั้นเยี่ยมและความหน่วงสัญญาณต่ำ มอบพื้นฐานระบบคลาวด์ที่ยืดหยุ่นแก่ลูกค้า
โ ครงสร้างระบบอันล้ำหน้าของ OCI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความมั่นคงปลอดภัยขั้นสูงสุด โดย Cloud Region ของออราเคิลแต่ละแห่ง มี Fault domain อย่างน้อยสามโดเมน ซึ่งเป็นการจัดกลุ่มของฮาร์ดแวร์ในการสร้างศูนย์ข้อมูลแบบ Logical Data Center เพื่อมอบความพร้อมใช้งานชั้นเยี่ยมและความรวดเร็วในการฟื้นฟูความล้มเหลวใด ๆ ที่เกิดกับฮาร์ดแวร์และเครือข่าย โดย Region แห่งที่ 2 ในสิงคโปร์จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเพิ่มความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ ไปพร้อม ๆ กับความสอดคล้องกับกฎระเบียบต่าง ๆ ได้อย่างครบวงจร
Cloud Region ในสิงคโปร์ทั้งสองแห่งจะให้บริการเครือข่ายความหน่วงสัญญาณต่ำและการถ่ายโอนข้อมูลความเร็วสูง เพื่อให้ลูกค้าและพันธมิตรสามารถสร้างมูลค่าที่ดีขึ้นได้จากข้อมูลของตน นอกจากนี้ โซลูชันระบบคลาวด์แบบกระจายศูนย์ Distributed cloud ของ OCI ซึ่งรวมถึง Dedicated Region และ Exadata Cloud Customer สามารถช่วยสนับสนุนงานของลูกค้าด้วยแอปพลิเคชันต่าง ๆ ในจุดที่ความสอดคล้องกันของข้อมูลและความหน่วงสัญญาณต่ำในสถานที่จำเพาะ ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด
ร่วมกระตุ้นการเติบโตของธุรกิจดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ข้อมูลในเอกสารรายงาน Top ICT Predictions for 2022 and Beyond at IDC FutureScape 2022 ทางไอดีซีกล่าวว่า ภายในปี 2566 ระบบดิจิทัลจะมีอิทธิพลครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากบริษัท 1 ใน 3 ของทั้งหมดจะสร้างรายได้มากกว่า 15% จากผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัล เมื่อเปรียบเทียบกับเพียง 1 ใน 6 แห่งในปี 2563 ซึ่งการให้ความสำคัญอย่างมากกับการเพิ่มรายได้จากผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลต่าง ๆ จะมีส่วนผลักดันให้เทคโนโลยีคลาวด์มีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้น ในการสร้างความต่อเนื่องทางธุรกิจและความยืดหยุ่นขององค์กรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ท่ามกลางโลกยุคดิจิทัลในปัจจุบัน
“Cloud Region ของออราเคิลแห่งที่สองในสิงคโปร์ถือเป็นการเสริมศักยภาพที่น่ายินดียิ่ง เนื่องจากสิงคโปร์ถือเป็นหนึ่งในตลาดชั้นนำด้านศูนย์ข้อมูลระดับโลกซึ่งเน้นความยั่งยืนเป็นหลักสำคัญ แม้ในปัจจุบันจะเกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ แต่ระดับการใช้จ่ายไปกับระบบคลาวด์ขององค์กรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงมีอัตราสูง เนื่องจากการนำคลาวด์มาใช้ถูกพิจารณาว่าเป็นการสร้างความแตกต่างทางธุรกิจ เพื่อรับมือกับความท้าทายในอนาคตหลังการแพร่ระบาดจบลง ไอดีซียังคาดการณ์ว่าตลาดบริการคลาวด์สาธารณะในภาพรวมของเอเชีย/แปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) จะมีอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) เพิ่มขึ้น 23.5% จาก 53.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2564 เป็น 153.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2569” เอสเทลล์ เควก ผู้จัดการฝ่านงานวิจัยอาวุโส Cloud Buyer Trends and Intentions Research แห่ง IDC กล่าว
ขับเคลื่อนการดำเนินงานที่ยั่งยืนทั่วโลก
การให้ความสำคัญกับความยั่งยืนที่ต่อเนื่อง ออราเคิลมุ่งมั่นที่จะดำเนินงาน Cloud region ทุกแห่งทั่วโลกด้วยพลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2568 ซึ่งรวมถึง Cloud Region แห่งใหม่ในสิงคโปร์นี้ด้วย ซึ่งในปัจจุบัน Cloud Regionของออราเคิลหลายแห่งได้เปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนแบบ 100% แล้ว ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้บริการประมวลผลข้อมูลได้อย่างยั่งยืนมากขึ้นและลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นต์ให้ต่ำลงได้พร้อมกัน และเพื่อขยายขอบเขตการดำเนินงานบนความยั่งยืน ออราเคิลและพันธมิตรด้านการกู้คืนสินทรัพย์ยังได้เก็บรวบรวมอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ปลดระวางแล้วกว่า 99.9% ในปีงบประมาณ 2565 เพื่อนำกลับมาเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลต่อไป
ระบบคลาวด์ออราเคิลเติบโตในระดับโลกอย่างรวดเร็ว
ออราเคิล นำเสนอชุดบริการคลาวด์ที่ครอบคลุมและต่อเนื่องในราคาที่ประหยัด ด้วย Cloud Region มากกว่า 41 แห่งใน 22 ประเทศ ในปัจจุบัน OCI ดำเนินงาน Region เชิงพาณิชย์ 34 แห่ง และ Region ของรัฐบาล 7 แห่ง นอกเหนือจาก Region รูปแบบเฉพาะและรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงระดับประเทศอีกหลายแห่ง
Cloud Region ของออราเคิลที่เปิดดำเนินการในปัจจุบัน ได้แก่
● เอเชียแปซิฟิก: โตเกียว (ญี่ปุ่น), โอซากา (ญี่ปุ่น), โซล (เกาหลีใต้), ชุนชอน (เกาหลีใต้), มุมไบ (อินเดีย), ไฮเดอราบัด (อินเดีย), ซิดนีย์ (ออสเตรเลีย), เมลเบิร์น (ออสเตรเลีย), สิงคโปร์ (สิงคโปร์)
● อเมริกา: ซานโฮเซ (สหรัฐฯ), ฟีนิกซ์ (สหรัฐฯ), แอชเบิร์น (สหรัฐฯ), ชิคาโก (สหรัฐฯ), โตรอนโต (แคนาดา), มอนทรีอัล (แคนาดา), เซาเปาโล (บราซิล), วินเฮโด (บราซิล), ซันติอาโก (ชิลี), เกเรตาโร (เม็กซิโก)
● ยุโรป: แฟรงก์เฟิร์ต (เยอรมนี), ลอนดอน (สหราชอาณาจักร), นิวพอร์ต เวลส์ (สหราชอาณาจักร), ซูริก (สวิตเซอร์แลนด์), อัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์), มาร์กเซย (ฝรั่งเศส), สตอกโฮล์ม (สวีเดน), มิลาน (อิตาลี), ลา กูร์เนิฟ , และปารีส (ฝรั่งเศส), มาดริด (สเปน)
● ตะวันออกกลาง: เจดดาห์ (ซาอุดีอาระเบีย), อาบูดาบีและดูไบ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์), เยรูซาเล็ม (อิสราเอล)
● แอฟริกา: โจฮันเนสเบิร์ก (แอฟริกาใต้)
● รัฐบาล: Region ทั่วไปของรัฐบาลสหรัฐฯ 2 แห่ง, Region รูปแบบเฉพาะของรัฐบาลของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ 3แห่ง, Region ด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ จำนวนหลายแห่ง และ Region ของรัฐบาลสหราชอาณาจักร 2 แห่ง (ลอนดอนและนิวพอร์ต เวลส์)