บาร์บีคิวพลาซ่า สานต่อภารกิจส่งมอบความสุขผ่านมื้ออาหารเพื่อความยั่งยืน ด้วยแนวคิด Triple Bottom Line ได้แก่ People, Planet และ Profit มุ่งสู่การเป็นธุรกิจที่ดีกับมนุษย์และโลก เริ่มจากการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพและปลอดภัย เช่น กะหล่ำปลีฝอยจากวิสาหกิจชุมชนผักแปลงใหญ่และชุมชนบ้านนาป่าแปก ที่ปลูกโดยลดการใช้ปุ๋ยเคมี และเน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการปลูกแบบ GAP คือแนวทางที่ให้เกษตรกรมุ่งเน้นการผลิตอย่างปลอดภัยและมีคุณภาพ โดยลดการใช้สารเคมีลงได้ถึง 50% เพื่อให้เกษตรกรลดรายจ่ายในการใช้สารเคมี และเพิ่มคุณภาพให้กับวัตถุดิบ พร้อมเสริมสร้างศักยภาพเกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสรสชาติอร่อยและมั่นใจในความปลอดภัย
ตั้งเป้าเพิ่มศักยภาพโมเดล Green Restaurant โดยมุ่งเน้นการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยแนวทาง Zero Waste to Landfill หรือการจัดการขยะให้กลายเป็นศูนย์ ตามหลักการ 4Rs (Reduce, Reuse, Recycle, Re-think) ซึ่งปัจจุบันได้ขยายไปถึง 11 สาขา เพื่อมอบประสบการณ์ Green Experience ให้กับลูกค้าตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำอย่างแท้จริง
จรูญโรจน์ เทพที ประธานบริหารสายงาน-ซัพพลายเซน บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด เปิดเผยว่า “เพื่อมุ่งสู่องค์กรที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 30% ภายในปี 2573 และจะเป็นองค์กรที่บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายใน ปี 2593 (Net Zero Emissions by 2050) เราใช้แนวคิด Triple Bottom Line ได้แก่
– People การบริหารธุรกิจที่ให้ “คน” มาเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยแนวคิดองค์กรแห่งความสุขผ่านกลยุทธ์ “เก่ง ดี สุข” เพื่อสร้างสรรค์วงจรแห่งความสุขที่ยั่งยืน ผ่านการพัฒนาศักยภาพ ความสามารถ ทักษะของบุคลากรในองค์กรให้เป็นคนมีคุณภาพของสังคม รวมทั้งการสร้างความเท่าเทียมในเรื่องการเข้าถึงการศึกษา ที่เรามุ่งเน้น 2 ด้าน ได้แก่ ด้านการศึกษาเปิด ศูนย์การเรียนฟู้ดแพชชั่น สำหรับนักเรียนระดับ ปวช. และด้านการพัฒนาหลักสูตรเราได้เปิดศูนย์อบรมฟู้ดแพชชั่น นำเสนอหลักสูตรสุขาภิบาลอาหารและการจัดการร้านอาหาร โดยใช้ประสบการณ์จากบาร์บีคิวพลาซ่า เพื่อเสริมสร้างศักยภาพบุคลากร และแบ่งปันความรู้กับบริษัทและบุคคลที่ต้องการพัฒนาตนเองในธุรกิจร้านอาหาร
– Planet เรามุ่งมั่นในการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นลดก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ด้วยแนวคิดจากฟาร์มถึงโต๊ะอาหาร (From Farm to Table) เป็นการสร้างคุณค่าที่เชื่อมโยงระหว่างเกษตรกร ร้านอาหาร และผู้บริโภค ในการมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมความยั่งยืนในทุกขั้นตอน รวมถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficiency) อย่างการติดตั้งโซล่าเซลล์ที่สำนักงานและโรงงาน ซึ่งสามารถลดพลังงานไฟฟ้าในกระบวนการได้ถึง 30% ลดก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 400 tCO2e ต่อปี
เรายังมุ่งเน้นการจัดการขยะด้วยแนวทาง Zero Waste to Landfill เพื่อลดปริมาณขยะที่ถูกฝังกลบ โดยนำเศษเนื้อตัดแต่ง (Food Loss) มาทำผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เพิ่มคุณค่า ซึ่งกระบวนการนี้ลดการนำเศษเนื้อตัดแต่งไปทิ้งได้ถึง 1.8 ตัน หรือคิดเป็น 918 kgCO2e ส่วนงานด้านการบริการเรายังมีการออกแบบในการเสิร์ฟกะหล่ำให้กับลูกค้า แบบ 125 / 80 / 80 กรัมทำให้ลดปริมาณกะหล่ำเหลือทิ้งได้ถึง 10% คิดเป็น 200,000 kg. หรือเท่ากับลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 82 tCO2e ส่วนระบบแยกขยะจากโต๊ะอาหารลูกค้าด้วยม้าเหล็กเราได้แยกประเภท Food Waste และ Recycle Waste พร้อมชั่งน้ำหนัก จดบันทึก ที่ได้ทำงานร่วมกับ Landlord ในการจัดการขยะปลายทางไม่ฝังกลบซึ่งมีปริมาณขยะอาหารอยู่ที่ 30 กิโลกรัมต่อวันต่อสาขา แบ่งเป็นจากร้าน 30% และลูกค้า 70% รวมเป็น 930 tCO2e ต่อปี ขณะที่ขยะรีไซเคิลอยู่ที่ 3 กิโลกรัมต่อวันต่อสาขา รวมเป็น 533 tCO2e ต่อปี
– Profit เรามุ่งสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ด้วยการนำเสนอตัวเลือกอาหารที่อร่อยและดีต่อสุขภาพผ่านห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นในการสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับลูกค้าผ่านนวัตกรรม เช่น ระบบใหม่ “GON ORDER-TO-PAY” สั่ง-จ่าย-จบ ทำเองได้ในมือถือ ที่สร้างสรรค์ ลดการใช้กระดาษ เพื่อให้ทุกมื้ออาหารเป็นการเฉลิมฉลองความยั่งยืนในทุกๆ ครั้งที่คุณมาที่เรา
ปีนี้เรายังคงเดินหน้าทรานฟอร์มองค์กรสู่การขับเคลื่อนธุรกิจตามกรอบ ESG ที่คำนึงถึงการดูแลสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคมและชุมชน (Social) รวมถึงธรรมาภิบาลที่ดี (Governance) เน้นการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนเป็นหัวใจหลัก โดยมีเป้าหมายในปี 2573 แนวทางสู่ความยั่งยืนขององค์กรใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านสิ่งแวดล้อมที่มีเป้าหมายในการจัดการก๊าซเรือนกระจก (GHG Management) ที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน Scope 1 และ 2 ให้ลดลง 30% และขยะฝังกลบในกระบวนการ ลดลง 10% รวมถึงการพัฒนาโมเดล Green Restaurant ที่มุ่งสร้างธุรกิจอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการใช้วัตถุดิบที่ยั่งยืนและลดการใช้ทรัพยากรสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ในปี 2567 ได้มีการขยายโมเดล Green Restarant ไปอีก 10 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เซ็นทรัล รามอินทรา, เซ็นทรัล บางนา, เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, เซ็นทรัล พระราม 3, เซ็นทรัล บางนา, เซ็นทรัล พระราม 2, เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัล พระราม 9 และ เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ นอกจากนี้เรายังมีแผนที่จะขยายอีก 11 สาขาในปี 2568 และตั้งเป้าจะขยายให้ครบทุกสาขา ส่วนด้านสังคม คือสร้างคนที่มีความสามารถ เป็นคนดี และมีความสุขมากกว่า 30,000 คน มอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับทุกคน ในขณะที่ด้านธรรมาภิบาล
เรามุ่งสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มผ่านนวัตกรรมและปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างเป็นธรรม ด้วยความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามกรอบ ESG เราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ จะสามารถสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ได้ในระยะยาว และนี่คือเหตุผลที่เรามุ่งมั่นให้ทุกขั้นตอนเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ซึ่งจะนำพาองค์กรสู่ความมั่นคง พร้อมเติบโตร่วมกับชุมชนและโลกใบนี้ไปด้วยกันอย่างแท้”