เทรนด์การดูแลสุขภาพยุคใหม่ เน้นชะลอวัยแบบองค์รวม

ปัจจุบันนี้เห็นได้ชัดว่าเทรนด์การดูแลสุขภาพ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น ผู้คนต่างตื่นตัวหันมาให้ความสำคัญในการใส่ใจดูแลตัวเองโดยเฉพาะการชะลอวัยด้วยโภชนบำบัด การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และช่วยชะลอความแก่โดยไม่ใช้ยานั้น เป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ดีได้อย่างยั่งยืน

เทรนด์ดังกล่าวเห็นได้ชัดหลังจากการระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลให้คนยุคใหม่หันมาใส่ใจสุขภาพเชิงป้องกันมากขึ้น โดยให้ความสำคัญทั้งเรื่องของอาหาร การออกกำลังกาย เรื่องของสุขภาพจิตกับการทำงาน ความงาม และเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยตรวจเช็กสุขภาพเพื่อให้รู้เท่าทันโรค

การเดินหน้าเข้าสู่สังคมสูงวัย ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้สูงอายุคนไทยเพิ่มขึ้นปีละ 5 แสนคน และคาดว่าในปี 2568 ประเทศไทยจะก้าวสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ โดยจะมีผู้สูงอายุ 1 คน ต่อประชากร 5 คน แน่นอนว่า กลุ่ม Silver Age ยังคงต้องการใช้ชีวิตอย่างแอคทีฟให้มากที่สุด ส่งผลให้การชะลอวัยแบบองค์รวมได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น บริการทางการแพทย์และบริการอื่นๆ ในปัจจุบัน มีการพัฒนาไปสู่การดูแลไม่ใช่แค่ร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงจิตใจ ที่อยู่อาศัย และด้านสังคม คุณภาพชีวิต เพื่อให้ครอบคลุมทุกมิติ

สุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า หากดูการคาดการณ์ เศรษฐกิจเพื่อสุขภาพทั่วโลก (Global Wellness Economy) จาก Global Wellness Institute (GWI) พบว่า ในปี 2568 คาดจะมีมูลค่าประมาณ 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 230 ล้านล้านบาท โดยธุรกิจ Wellness หรือการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เน้นการป้องกันมากกว่าการรักษา เป็นอีกหนึ่งเมกะเทรนด์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงเท่านี้ กระแสการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Wellness Tourism ยังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น GWI ประเมินว่า Wellness Tourism จะมีมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2567 อีกทั้ง ในปี 2565 ที่ผ่านมา ประเทศไทยถูกเลือกให้เป็น Wellness Destination อันดับ 2 ของโลก

กระแสสุขภาพและแนวโน้มการเติบโตดังกล่าวไม่เพียงแค่ในประเทศไทยเท่านั้น ยังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก เพราะความมั่งคั่งที่แท้จริง คือ การที่มีสุขภาพที่ดี หรือ Health is Wealth ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้จัดงานด้านสุขภาพอย่างต่อเนื่องภายใต้ชื่องาน “InterCare Asia” (อินเตอร์แคร์ เอเชีย) ซึ่งในปีนี้งาน “InterCare Asia 2023” เตรียมกลับมาจัดอย่างยิ่งใหญ่ โดยได้รวบรวมสินค้า บริการ และกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เพื่อการพัฒนาสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีแบบองค์รวมตอบโจทย์ความต้องการของคนยุคใหม่ อีกทั้ง เปิดรับผู้เข้าชมงานทั้งจากภาคธุรกิจและบุคคลทั่วไป และพร้อมมอบโอกาสและประสบการณ์ใหม่ๆ ผ่านโซลูชันและเทคโนโลยีในการดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคนทุกวัย ได้แก่

· สินค้าไลฟ์สไตล์และความเป็นอยู่
· ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
· อุปกรณ์และสินค้าเพื่อความงาม
· อุปกรณ์ทางการแพทย์ และฟื้นฟูสมรรถภาพ
· การวางแผนเพื่อเกษียณ
· ที่อยู่อาศัยและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ

อีกทั้งยังได้ร่วมมือกับ “O-lunla” นิตยสารชั้นนำสำหรับผู้สูงวัย เปิดพื้นที่พิเศษเพื่อแบ่งปันความห่วงใย และร่วมแบ่งปันกำลังใจ ในโซน “Share & Care แค่รักยังไม่พอ” ได้แก่ หัวข้อ Share & Care ตอน Stroke-Strong โดยคุณพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง หัวข้อ Zumba ส่ายสะบัดโรค โดย ครูหนุ่ม ยอดชาย ยมะคุปต์ หัวข้อการออมและการลงทุนเพื่อตัวเองและครอบครัวที่เรารัก โดย คุณเสกสรร โตวิวัฒน์ กองทุนบัวหลวง หัวข้อ Fit & Firm ออกกําลังกายด้วยจานกระดาษ โดย ดร.ชลชัย อานามนารถ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลัยมหิดล หัวข้อ รู้ใจสมอง ท้าชนตวามเหงา โดย ผศ.ดร.กบ. ศุภลักษณ์ เข็มทอง คณะกายภาพบําบัด มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นต้น

นอกจากนี้ยังจัดพร้อมกับงาน “Wellness & Travel Fair” โดยสมาคมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพไทย ซึ่งเป็นเวทีรวบรวมแพ็กเกจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โรงพยาบาล อาหารสุขภาพ สินค้าที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ตลอดจนกิจกรรมจับคู่ธุรกิจด้าน Wellness สัมมนา “Wellness Trend Talk” โดยวิทยากรระดับประเทศ และกิจกรรมน่าสนใจอีกมากมาย

InterCare Asia 2023 จะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม – 2 กันยายน 2566 เวลา 10:00 – 18:00 ณ Hall 5 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สอบถามโทร. 0-2229-3503, 0-2229-3513, 0-2229-3515 ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ เว็บไซต์ www.intercare-asia.com หรือ เฟซบุ๊กแฟนเพจ : InterCare Asia

RELATED ARTICLE

Scroll to Top