BBLAM เสนอพอร์ตลดหย่อนภาษีปี 2568 แบบสมดุล รองรับสถานการณ์โลกที่ยังไม่แน่นอน

     BBLAM เสนอแนวทางจัดพอร์ตลงทุนช่วงโค้งสุดท้ายปี 2568 เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมแนะนำตราสารหนี้–หุ้นคุณภาพทั่วโลก–เทคโนโลยี และทองคำ เพื่อรับมือความผันผวนของเศรษฐกิจโลก

   ​บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (BBLAM) เปิดเผยว่า ในปีนี้เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ต่างๆ เช่น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนผ่านนโยบายของผู้นำประเทศมหาอำนาจ รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจในหลายภูมิภาค ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกผันผวนและยากต่อการคาดการณ์มากกว่าปีก่อนๆ การจัดพอร์ตเพื่อลดหย่อนภาษี จึงมีความสำคัญกับการลงทุน ควบคู่กับการคัดเลือกสินทรัพย์ที่มีศักยภาพสร้างผลตอบแทนในระยะยาว

​     BBLAM เสนอแนวทางจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับบริบทเศรษฐกิจโลกที่ยังคงเผชิญความไม่แน่นอนต่อเนื่องหลายด้าน โดยมุ่งเน้นการจัดสรรเงินลงทุนแบบสมดุลระหว่างความมั่นคงและโอกาสการเติบโต ผ่านตราสารหนี้คุณภาพ กองทุนหุ้นกระจายภูมิภาค ธีมเทคโนโลยี และสินทรัพย์ทางเลือก อย่างทองคำ เพื่อช่วยลดความผันผวนรวมของพอร์ตในปีที่ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ยังสูง

สำหรับแนวทางจัดพอร์ตเพื่อลดหย่อนภาษีปีนี้ เน้นความมั่นคงเป็นฐานกระจายความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ

1) กองทุนตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน – เสริมความมั่นคงให้พอร์ต

     BBLAM แนะนำกองทุน B-SI-THAIESG เป็นกองทุนหลักสำหรับการวางแผนลดหย่อนภาษีปีนี้ ด้วยแนวทางการลงทุนในตราสารภาครัฐไทยด้านความยั่งยืน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2568) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 8.19% ต่อปี สูงกว่าดัชนีชี้วัดที่ 7.23% ต่อปี เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการความมั่นคงในภาวะตลาดผันผวน

2) กองทุนหุ้นคุณภาพทั่วโลก – เพิ่มโอกาสเติบโตในระยะยาว

 

     เพื่อให้พอร์ตมีความสมดุล BBLAM แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกองทุน RMF ที่กระจายไปในหุ้นคุณภาพทั่วโลก ได้แก่

B-GLOBALRMF (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2568) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่14.15% ต่อปี เมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด อยู่ที่ 16.50% ต่อปี
B-ASIARMF (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2568) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 23.06% ต่อปี เมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด อยู่ที่ 24.82% ต่อปี

โดยทั้ง 2 กองทุนช่วยกระจายความเสี่ยงและเปิดรับโอกาสการเติบโตในตลาดที่มีปัจจัยสนับสนุนแตกต่างกัน

3) กลุ่มเทคโนโลยี – ธีมการลงทุนระยะยาวที่ยังมีศักยภาพ

 

     กองทุน B-INNOTECHRMF เน้นลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับโลก ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2568) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 21.59% ต่อปี เมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด ซึ่งอยู่ที่ 24.62% ต่อปี

4) ทองคำ – ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวม

 

     เพื่อเสริมเสถียรภาพให้กับพอร์ต BBLAM แนะนำกองทุน BGOLDRMF ซึ่งลงทุนใน SPDR Gold Trust (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2568) ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 34.99% ต่อปี เมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด ซึ่งอยู่ที่ 40.55% ต่อปี เหมาะสำหรับปีที่มีความไม่แน่นอนสูง

​. ทั้งนี้ สิทธิประโยชน์ทางภาษีปี 2568 ที่ควรพิจารณา โดยต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากรอย่างเคร่งครัด ซึ่งผู้ลงทุนสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 800,000 บาทโดยแบ่งเป็น

กองทุน Thai ESG สูงสุด 300,000 บาท (ถือขั้นต่ำ 5 ปี)
กองทุน RMF สูงสุด 500,000 บาท (ลงทุนต่อเนื่อง 5 ปี และขายคืนได้เมื่ออายุ 55 ปีขึ้นไป)**

BBLAM ตอกย้ำความสำคัญของการทบทวนพอร์ตตามช่วงอายุและเป้าหมายของผู้ลงทุน

​     แนวทางสำหรับผู้ลงทุนในช่วงสิ้นปี BBLAM พร้อมให้คำปรึกษา เพื่อช่วยให้ผู้ลงทุนวางแผนการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ความต้องการทางการเงินในทุกช่วงของชีวิต อีกทั้งแนะนำให้ผู้ลงทุนพิจารณา จัดพอร์ตโดยมีตราสารหนี้คุณภาพเป็นฐาน  กระจายการลงทุนในหุ้นคุณภาพทั่วโลก เพื่อเพิ่มโอกาสเติบโต เพิ่มน้ำหนักหุ้นเทคโนโลยีตามธีมอนาคต ใช้ทองคำเป็นตัวช่วยลดความผันผวน  และใช้สิทธิลดหย่อนภาษีให้ครบถ้วนก่อนสิ้นปี

     ​ผู้สนใจลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ง่ายๆ เริ่มลงทุนขั้นต่ำเพียง 500 บาท โดยซื้อหน่วยลงทุนผ่านโมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ หรือผ่าน  BF  Fund  Trading จาก BBLAM เอง ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ BBLAM โทร. 02-674-6488 กด 8 หรือเว็บไซต์ www.bblam.co.th หรือผู้สนับสนุนการขาย หรือรับซื้อคืนที่ได้รับการแต่งตั้ง

RELATED ARTICLE

Scroll to Top