เมื่อเซลล์ในเลือดเปลี่ ยนแปลงกลายเป็นภัยเงียบ มะเร็งทางโลหิตวิทยาจึงกลายเป็ นศัตรูของร่างกายที่เรามองไม่ เห็น การปลูกถ่ายไขกระดูกเป็ นแนวทางการรักษา ที่มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟู ระบบเลือดของผู้ป่วย ช่วยเพิ่มโอกาสในการหายขาดและยื ดอายุชีวิตอย่างมีคุณภาพ
นายแพทย์นฤพนธ์ สนศักดิ์ อายุรแพทย์ชำนาญการด้านโลหิตวิ ทยา โรงพยาบาลเวชธานีอินเตอร์ เนชั่นแนล อธิบายว่า มะเร็งทางโลหิตวิทยา เป็นกลุ่มของโรคมะเร็งที่เกิ ดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดเลื อด หรือเซลล์ต้นกำเนิดของเม็ดเลื อดในไขกระดูก ทำให้เซลล์เหล่านี้เติบโตผิ ดปกติ แพร่กระจายไปทั่วร่างกาย จึงสร้างเม็ดเลือดที่สมบูรณ์ได้ น้อยลง ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันต่ำ ติดเชื้อง่าย เลือดออกง่าย และเกิดภาวะโลหิตจาง โดย มะเร็งทางโลหิตวิทยาที่พบบ่ อย ได้แก่
- มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia)
- มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma)
- มะเร็งไขกระดูก (Myeloma)
มะเร็งทางโลหิตวิทยา เกี่ยวข้องกับความผิดปกติในระดั บพันธุกรรมของเซลล์ต้นกำเนิ ดในไขกระดูก ซึ่งอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม คนในครอบครัวบางกลุ่มอาจมี แนวโน้มเป็นโรคนี้มากขึ้, การได้รับสารเคมีบางชนิด เช่น เบนซีน หรือการสัมผัสรังสีในปริมาณสูง, การติดเชื้อบางชนิด เช่น ไวรัส HTLV-1 ซึ่งเกี่ยวข้องกับมะเร็งเม็ดเลื อดบางประเภท, ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ เช่น มีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือมี โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง อาจมีความเสี่ยงมากขึ้น
หนึ่งในแนวทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ป่วยมะเร็ งระบบเลือด โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการรุนแรงหรื อไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบเดิม คือการ ปลูกถ่ายไขกระดูก หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ ดเลือด (Hematopoietic Stem Cell Transplantation) เพื่อช่วยฟื้ นฟูระบบสร้างเม็ดเลือด เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และเพิ่มโอกาสรอดชีวิต ลดโอกาสเกิดโรคซ้ำ ไขกระดูกเป็นศูนย์กลางของการสร้างเม็ดเลือดในร่างกาย เมื่อเกิดโรคมะเร็ง เม็ดเลือดที่สร้างจากไขกระดู กจะผิดปกติ การปลูกถ่ายไขกระดูกจึงเป็นการ “ล้าง” ระบบเดิม และแทนที่ด้วยเซลล์ต้นกำเนิ ดใหม่ที่สมบูรณ์ เพื่อให้ร่างกายสามารถสร้างเม็ ดเลือดปกติได้อีกครั้ง
โดยประเภทของการปลูกถ่ายไขกระดู ก มี 2 แนวทาง
- การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิ
ดจากตนเอง (Autologous Stem Cell Transplantation) ใช้เซลล์ต้นกำเนิดจากตัวผู้ป่ วยเอง โดยเก็บไว้ก่อนรักษาด้วยเคมี บำบัด แล้วจึงนำกลับเข้าไปในร่ างกายหลังจากทำลายเซลล์มะเร็ งหมดแล้ว - การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดจากผู้
บริจาค (Allogeneic Stem Cell Transplantation) ซึ่งอาจเป็นญาติสายเลือดเดียวกั น เช่น พี่ น้อง หรือผู้บริจาคที่มีเนื้อเยื่ อเข้ากันได้
กระบวนการรักษาปลูกถ่ายไขกระดูก มีกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องมี การเตรียมตัวผู้ป่วย รวมถึงการประเมินจากแพทย์อย่ างละเอียด โดยเริ่มจากการตรวจสุขภาพเพื่ อดูความพร้อมของร่างกายผู้ป่วย เช่น การตรวจเลือด ตรวจการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ และสภาพร่างกายโดยรวม
นอกจากนี้ ก่อนที่ผู้ป่วยจะได้รับการปลู กถ่ายไขกระดูก ผู้ป่วยจะได้รับ เคมีบำบัดในปริมาณสูง หรือ การฉายแสงทั้งตัว เพื่อทำลายเซลล์ไขกระดูกเดิมที่ เป็นมะเร็ง ทำลายระบบภูมิคุ้มกันเพื่อไม่ ให้ต่อต้านเซลล์ที่ปลูกถ่ายเข้ าไป และเตรียมพื้นที่ในไขกระดูกให้ เซลล์ใหม่เข้าไปฝังตัวได้ และเมื่อร่างกายพร้อมแล้ว แพทย์จะทำการฉีดเซลล์ต้นกำเนิ ดเข้าสู่หลอดเลือดดำ คล้ายกับการให้เลือด ซึ่งเซลล์เหล่านี้จะเดินทางไปยั งไขกระดูก และเริ่มต้นกระบวนการสร้างเม็ ดเลือดใหม่
การดูแลหลังการปลูกถ่ายไขกระดูก
ช่วงนี้ถือเป็น “ระยะสำคัญ” ซึ่งต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่ างใกล้ชิด โดยร่างกายจะใช้เวลา 2–4 สัปดาห์ในการให้สเต็มเซลล์เริ่ มทำงาน เรียกว่า Engraftment ซึ่งผู้ป่วยมี โอกาสติดเชื้อสูง เนื่องจากภูมิคุ้มกันต่ำมาก ต้องอยู่ในห้องปลอดเชื้อ และแพทย์จะติดตามค่าการเจริญเติ บโตของเม็ดเลือด และอาการผิดปกติอย่างใกล้ชิด
แม้การปลูกถ่ายไขกระดูกจะมีศักยภาพในการรักษาโรคให้หายขาด แต่ก็มีความเสี่ยง เช่น การติดเชื้อ ภาวะ “ภูมิคุ้มกันต่อต้านผู้รับ” (Graft-versus-host disease – GVHD) หรือภาวะไขกระดูกไม่ฝังตัว ดังนั้น ผู้ป่วยจำเป็นต้องดูแลตั วเองตามคำแนะนำของแพทย์อย่ างเคร่งครัด เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่ างราบรื่น เพราะเมื่อการปลูกถ่ายไขกระดู กประสบความสำเร็จ ก็สามารถ “รีสตาร์ทร่างกาย” ให้กลับมาแข็งแรงได้