The 1 Insight เผยเทรนด์ Solo Economy “คนโสด” กลุ่มผู้บริโภคกำลังซื้อสูงและโตแรงกว่า โอกาสธุรกิจปี 2025 ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยปรากฏการณ์ “Self Splurge – เปย์หนักเพราะรักตัวเอง”

The 1 Insight เผยบทวิเคราะห์ Solo Economy ชี้ “คนโสด” คือกลุ่มผู้บริโภคที่ทรงอิทธิพลต่อเศรษฐกิจ พร้อมด้วยกำลังซื้อสูงและอัตราการเติบโตสูงกว่าตลาดภาพรวมอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันครองสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 ของการใช้จ่ายรวม พร้อมปรากฏการณ์ “Self Splurge – เปย์หนักเพราะรักตัวเอง” โดดเด่นในกลุ่มการใช้จ่ายเพื่อภาพลักษณ์ เสริมสุขภาพ ทานอาหารนอกบ้าน และสินค้า Luxury ทั้งยังพร้อมจ่ายหนักเพื่อประสบการณ์และกิจกรรมยามว่าง สะท้อนเทรนด์พลังคนโสดที่กำลังยกระดับการใช้ชีวิตส่วนบุคคล พร้อมเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ให้เศรษฐกิจเมืองและเป็นโอกาสทางธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ

ปัจจุบัน การมีคู่หรือสร้างครอบครัวใหญ่ไม่ใช่เป้าหมายของทุกคนอีกต่อไป ข้อมูลจากการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน (SES) โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2566 ระบุว่า คนไทยถึง 25% อยู่ในสถานะโสด โดยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเขตเมือง และ กรุงเทพฯ มีสัดส่วนคนโสดสูงถึง 50% ของประชากรในพื้นที่ ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ ในประเทศในแง่ประชากรภาพรวม 75% ของคนโสดในไทยเป็นเพศหญิง ขณะที่สัดส่วนของคนโสดยิ่งสูงในกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะช่วงอายุ 25–34 ปี (30%), 35–44 ปี (25%) และลดลงในช่วง 45–54 ปี (20%) สะท้อนแนวโน้มที่ชัดเจนว่า ยิ่งอายุน้อยลง สัดส่วนคนโสดยิ่งสูงขึ้น ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของค่านิยมใหม่ในการใช้ชีวิต ที่เปลี่ยนไปจากกรอบครอบครัวแบบเดิมอย่างมีนัยสำคัญ

ข้อมูลจาก The 1 Insight เจาะลึกการใช้จ่ายของคนโสด ที่กำลังเลือกใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ให้คุณค่ากับการดูแลตัวเองโดยไม่ต้องรอให้ใครมาเติมเต็ม โดยพบว่าคนโสดมียอดใช้จ่ายเติบโตสูงกว่าตลาดภาพรวมอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันการใช้จ่ายของผู้บริโภคกลุ่ม “คนโสด” คิดเป็นสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 ของตลาดภาพรวมแล้ว แสดงให้เห็นว่า Solo Economy (เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยคนโสด) ไม่เพียงแค่มีขนาดใหญ่อยู่แล้ว แต่ยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

ส่วนของรายละเอียดการใช้จ่าย สิ่งที่แตกต่างชัดเจนระหว่างกลุ่มคนโสดและคนมีครอบครัวคือ “วัตถุประสงค์ในการใช้จ่าย” โดยคนโสดมักใช้จ่าย “เพื่อตัวเอง” เป็นหลัก จึงสามารถใช้จ่ายเพื่อความต้องการเฉพาะตน ขณะที่กลุ่มครอบครัวมีการใช้จ่ายกว่าครึ่งเพื่อครอบครัว โดยเฉพาะของใช้จำเป็น จึงไม่น่าแปลกใจที่คนโสดใช้จ่ายเพื่อภาพลักษณ์ในหมวด Fashion & Beauty มากถึง 30% จากการใช้จ่ายทั้งหมด ชื่นชอบสินค้าหมวด Sport 3 มากกว่าเท่า แสดงถึงความใส่ใจการดูแลสุขภาพ นิยมทานอาหารนอกบ้าน หมวด Dining มากกว่า 3 เท่า ทั้งยังสนใจและพร้อมจ่ายกับสินค้า Luxury มากกว่า 2 เท่า ทั้งหมดนี้ ล้วนสะท้อนถึงความตั้งใจของคนโสดในการ “ลงทุนกับตัวเอง” อย่างจริงจัง ทั้งในแง่ของการพัฒนาคุณภาพชีวิต การแสดงออกถึงตัวตน และการให้รางวัลกับตัวเอง

The 1 Insight ยังพบว่าคนโสดพร้อมจ่ายหนักเพื่อประสบการณ์และกิจกรรมยามว่าง ซึ่งการใช้จ่ายต่อคนเป็น 2 เท่า เทียบกับคนมีครอบครัว อาทิ ของสะสม ใช้จ่ายเพื่อเรียนเสริมทักษะด้านภาษา เวิร์กช็อปยามว่าง เช่น ทำอาหาร จัดดอกไม้ หรือเวิร์กช็อปงานดีไซน์ต่างๆ รวมถึงยังโดดเด่นในใช้จ่ายกับ Fitness Center และ Wellness Center ไปจนถึง บัตรคอนเสิร์ตและการเดินทางท่องเที่ยว

     พิจารณาเชิงเปรียบเทียบ “คนโสดในเมือง” และ “คนโสดในต่างจังหวัด” จะพบความแตกต่างด้านพฤติกรรมการใช้จ่ายในบางแง่มุม โดยเฉพาะในเรื่องลำดับความสำคัญของหมวดสินค้า แม้คนโสดในเมืองจะมียอดใช้จ่ายเฉลี่ยสูงกว่าราว 1.2 เท่า และเน้นในกลุ่ม Beauty & Premium Lifestyle ขณะที่คนโสดในต่างจังหวัดมีแนวโน้มใช้จ่ายในหมวด Home & Appliance มากกว่า เช่น อุปกรณ์ก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ หรือเครื่องใช้ในครัวเรือน ซึ่งสะท้อนบริบทการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน

The 1 Insight ยังเผย 3 หมวดสินค้ามาแรงครองใจคนโสด ได้แก่ หมวด Beauty โดยใช้จ่ายมากกว่าถึง 4 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มคนมีครอบครัว โดยนอกจากจะเลือกใช้สินค้าแบรนด์บิวตี้ เช่น เซรั่ม มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ครีมกันแดด และผลิตภัณฑ์เฉพาะกลุ่มอย่าง Anti-Aging หรือ Brightening ยังนิยมเข้าคลินิกเสริมความงาม ทำหัตถการความงามต่างๆ เช่นเดียวกันใน หมวด Fashion คนโสดใช้จ่ายมากกว่าถึง 3 เท่า โดยลงทุนกับทั้งแบรนด์แฟชั่นระดับลักชัวรี เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ กระเป๋า และนาฬิกา และแบรนด์แมสพรีเมียมที่เน้นคุณภาพและดีไซน์ที่สื่อถึงตัวตน ไม่ว่าจะเป็นสไตล์มินิมัล เรียบหรู หรือแฟชั่นสายครีเอทีฟ สะท้อนแนวคิดที่ว่า “การดูแลภาพลักษณ์ไม่ใช่ความฟุ่มเฟือย แต่คือการลงทุน”

     ที่น่าแปลกใจคือ ใน หมวด Home Decoration กลับพบว่า คนโสดยังมีแนวโน้มใช้จ่ายมากกว่าคนมีครอบครัวถึง 4.5 เท่า ทั้งนี้เพราะค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการจัดการพื้นที่อยู่อาศัยตกเป็นภาระของคนคนเดียว ต่างจากคนมีครอบครัวที่มักแบ่งภาระร่วมกันกับคู่ชีวิตหรือสมาชิกในครอบครัวใหญ่ กล่าวคือ คนโสดไม่มี “ตัวหาร” ตั้งแต่งานก่อสร้างไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ หรือของใช้จิปาถะในบ้าน ล้วนต้องจ่ายด้วยตนเองทั้งหมด ขณะเดียวกัน พวกเขายังมีอิสระในการเลือกซื้อสินค้าที่ตอบโจทย์รสนิยมของตนเองโดยไม่ต้องประนีประนอมกับใคร ทำให้กล้าลงทุนกับของตกแต่งดีไซน์เฉพาะตัว หรือสินค้าคุณภาพสูงที่สะท้อนไลฟ์สไตล์และความเป็นตัวตน

พฤติกรรมเหล่านี้สะท้อนว่า คนโสดในเมืองคือกลุ่มผู้บริโภคที่ “พร้อมจ่ายเพื่อคุณภาพชีวิตของตัวเอง” พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีครอบครัวเพื่อแสดงสถานะหรือเป้าหมาย แต่ใช้เงินอย่างตั้งใจเพื่อเติมเต็มความพึงพอใจในชีวิตประจำวัน ด้วยพฤติกรรมที่เฉพาะเจาะจง มีเหตุผล และเต็มไปด้วยแรงผลักดันจากภายใน

ธุรกิจที่เข้าใจกลุ่มนี้และสามารถออกแบบสินค้า บริการ หรือประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับแนวคิด “ดูแลตัวเองในทุกมิติ” ได้อย่างแม่นยำ จะกลายเป็นผู้ชนะในตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยเศรษฐกิจของคนโสดอย่างแท้จริง

RELATED ARTICLE

Scroll to Top